• : 094-453-2459, 097-924-3645 (สำรอง)

3 เหตุผลที่ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อบ่อย ยิ่งใช้ยิ่งอันตรายกับสุขภาพระยะยาว!


ยาฆ่าเชื้อ หรือ Antibiotics เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย แต่การใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างไม่เหมาะสมหรือใช้บ่อยเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพระยะยาวและส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขในภาพรวม และวันนี้จะมาสรุป 3 เหตุผลว่าทำไมไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อบ่อย

1. เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยา (Antibiotic Resistance)

การใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น หรือใช้ผิดวิธี จะเพิ่มโอกาสให้แบคทีเรียพัฒนา ความสามารถในการต้านทานยา

ผลกระทบที่ตามมา

  • การรักษาโรคติดเชื้อซับซ้อนขึ้น: เชื้อแบคทีเรียชนิดเดิมอาจไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อที่เคยใช้ได้ผล

  • ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น: การใช้ยารุ่นใหม่หรือยาที่มีความเข้มข้นสูงขึ้น อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า

  • เสี่ยงต่อการเสียชีวิต: การติดเชื้อที่ดื้อยา เช่น MRSA (Methicillin-Resistant Staphylococcus aureus) หรือ CRE (Carbapenem-Resistant Enterobacteriaceae) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพ

วิธีป้องกัน: ใช้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะเมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และรับประทานยาตามขนาดและครบตามระยะเวลาที่กำหนด

รู้หรือไม่ว่า? การดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial Resistance: AMR) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ข้อมูลจากปี 2563 ระบุว่าประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาประมาณ 20,000-38,000 คนต่อปี และมีผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้นเนื่องจากการติดเชื้อดื้อยา ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึงประมาณ 46,000 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งใน 14 ประเทศที่องค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีภาระวัณโรคสูง รวมถึงวัณโรคดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องการการเฝ้าระวังและการจัดการอย่างเร่งด่วน

 

2. ผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในร่างกาย (Disruption of Gut Microbiota)

ยาฆ่าเชื้อไม่สามารถแยกแยะระหว่างแบคทีเรียที่ดีและแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ทำให้ จุลินทรีย์ที่ดีในร่างกายถูกทำลาย โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร

ผลกระทบที่ตามมา

  • ลำไส้เสียสมดุล: อาจทำให้เกิดโรค เช่น Clostridium difficile infection (CDI) ซึ่งเป็นอาการติดเชื้อที่ลำไส้รุนแรง

  • ภูมิคุ้มกันลดลง: แบคทีเรียที่ดีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การทำลายจุลินทรีย์ที่ดีจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ

  • ระบบย่อยอาหารผิดปกติ: อาจมีอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือการดูดซึมสารอาหารลดลง

วิธีป้องกัน: รับประทานอาหารที่มี โพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยฟื้นฟูจุลินทรีย์ในลำไส้ และหลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าเชื้อในกรณีที่ไม่จำเป็น

 

3. ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา (Side Effects and Allergic Reactions)

ยาฆ่าเชื้ออาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้หลากหลาย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อใช้บ่อยเกินไป

ผลกระทบที่ตามมา

  • อาการข้างเคียงทั่วไป: คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือเวียนศีรษะ

  • อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis): บางคนอาจเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อยา เช่น หายใจติดขัด บวมแดง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

  • ผลต่ออวัยวะสำคัญ: การใช้ยาฆ่าเชื้อในปริมาณมากหรือบ่อยเกินไป อาจสะสมสารเคมีที่กระทบต่อ ตับ และ ไต ทำให้อวัยวะเหล่านี้ทำงานผิดปกติ

วิธีป้องกัน: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา และหลีกเลี่ยงการซื้อยาฆ่าเชื้อมาทานเองโดยไม่มีใบสั่งยา


สรุป: วิธีใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม

  1. ใช้ยาฆ่าเชื้อ เฉพาะเมื่อจำเป็น และได้รับคำสั่งจากแพทย์

  2. ทานยาครบตามกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้น เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา

  3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าเชื้อในกรณีที่ไม่จำเป็น เช่น ไข้หวัดธรรมดาที่เกิดจากไวรัส

การใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้สุขภาพดีขึ้น แต่ยังลดความเสี่ยงของการเกิดเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพระดับโลกที่ทุกคนควรตระหนักและร่วมมือกันแก้ไข

สนใจสอบถามที่นี่


ร้านวินวินท์แคร์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ บริการจัดชุดสังฆทาน ชุดยาสามัญประจำบ้านหรือที่ทำงาน ชุดยาสำหรับเดินทาง อาหารเสริมเฉพาะบุคคล พร้อมบริการโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงใจและซื่อตรง ฟรี  "มีปัญหาสุขภาพ อย่าลืมนึกถึงร้านวินวินท์แคร์"


อ้างอิงจาก

  1. AMR Thailand. (2564). การดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย: ผลกระทบและแนวทางการจัดการ. สืบค้นจาก https://amrthailand.net/wp-content/uploads/2024/07/05_Policy-brief-การดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย.pdf
  2. Thai Drug Watch. (2563). รายงานสถานการณ์การดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย. สืบค้นจาก https://www.thaidrugwatch.org/download/series/53/series53-19.pdf