• : 094-453-2459, 097-924-3645 (สำรอง)

ไขข้อข้องใจ! โลหิตจางแต่ละชนิด ทานอาหารเสริมบำรุงเลือดแบบไหนดี?


คุณรู้หรือไม่ว่า? โลหิตจางมีหลากหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีสาเหตุและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกทานอาหารเสริมบำรุงเลือดที่เหมาะสมกับโรคโลหิตจางแต่ละชนิดจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเลือกไม่ถูก นอกจากจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการแล้ว ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้อีกด้วย 

บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคโลหิตจาง และการเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมมาฝากกัน เพื่อจะได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุง และห่างไกลจากผลข้างเคียงอันไม่ประสงค์นั่นเอง

โลหิตจางคืออะไร? 

ก่อนที่จะไปดูกันว่าโลหิตจางแต่ละชนิด ควรกินอาหารเสริมแบบไหนดี? ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับโรคโลหิตจางกันก่อน โดยโรคโลหิตจาง คือ ภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ หรือมีปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดต่ำกว่าปกติ ซึ่งฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในเม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่สำคัญในการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดแดงน้อยลง หรือฮีโมโกลบินลดลง ร่างกายก็จะขาดออกซิเจน จึงทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมาได้

อาการของโรคโลหิตจาง

ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางมักมีอาการต่าง ๆ ดังนี้

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เนื่องจากร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
  • หน้าซีด ผิวหนังและเยื่อบุในช่องปากซีด
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เนื่องจากร่างกายพยายามชดเชยการขาดออกซิเจน
  • วิงเวียน หน้ามืด เกิดจากการที่สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ
  • หายใจลำบาก โดยเฉพาะเมื่อออกแรง
  • ปวดศีรษะ

สาเหตุของโรคโลหิตจาง

จริง ๆ แล้วสาเหตุของโรคโลหิตจางเกิดได้จากหลายประการ เช่น

  • การขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือกรดโฟลิก ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • การสูญเสียเลือด จากการมีประจำเดือนมากเกินไป การตกเลือดจากแผล รวมทั้งการเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
  • การทำลายเม็ดเลือดแดง เช่น โรคธาลัสซีเมีย หรือโรคเม็ดเลือดแดงเคียว
  • โรคเรื้อรัง เช่น โรคไตวาย โรคมะเร็ง

ชนิดของโรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจางแบ่งออกเป็นหลายชนิดตามสาเหตุที่แตกต่างกัน การรู้จักชนิดของโรคโลหิตจางจะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหลัก ๆ แล้วโรคโลหิตจางจะเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก ดังนี้

1. โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia)

โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการที่ร่างกายมีปริมาณธาตุเหล็กไม่เพียงพอในการสร้างเม็ดเลือดแดง และเนื่องด้วยธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็ก เม็ดเลือดแดงจึงสร้างได้น้อยลง ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และมีอาการอื่น ๆ ตามมา  

สาเหตุของโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

  • การสูญเสียเลือดเรื้อรัง เช่น ประจำเดือนมากเกินไป แผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้
  • การดูดซึมธาตุเหล็กบกพร่อง อาจเกิดจากโรคทางเดินอาหาร หรือการรับประทานยาบางชนิด
  • ความต้องการธาตุเหล็กสูง เช่น หญิงตั้งครรภ์ เด็กวัยเจริญเติบโต
  • ขาดการทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก

อาการของโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • หน้าซีด ผิวหนังและเยื่อบุในช่องปากซีด
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
  • วิงเวียน หน้ามืด
  • หายใจลำบาก
  • ปวดศีรษะ
  • เล็บเปราะ ผมขาดง่าย ปากแตก

การรักษา

  • การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง ผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืช
  • รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก อย่างเช่น Blackmores Women's Premium Iron, 21st Century อาหารเสริมธาตุเหล็ก หรือ Demosana Iron + C เป็นต้น

2. โลหิตจางจากการกรดโฟลิก (Folate Deficiency Anemia)

กรดโฟลิก เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการสำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์เม็ดเลือดแดง หากร่างกายขาดกรดโฟลิก จะทำให้การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติ เกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอและเกิดอาการต่าง ๆ ตามมา

สาเหตุของโรคโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิก

  • ขาดการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยกรดโฟลิก เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด และธัญพืช
  • การดูดซึมกรดโฟลิกบกพร่อง อาจเกิดจากโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคเซลิแอค
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด และยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจรบกวนการดูดซึมของกรดโฟลิกได้
  • ภาวะอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์ การดื่มแอลกอฮอล์ และโรคไตเรื้อรัง

อาการของโรคโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิก

อาการของโรคโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิกคล้ายกับโรคโลหิตจางชนิดอื่น ๆ ได้แก่

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • หน้าซีด
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
  • วิงเวียน หน้ามืด
  • หายใจลำบาก
  • ปวดศีรษะ
  • เจ็บลิ้น ทานอาหารรสจัดไม่ได้ มีแผลที่มุมปาก

การรักษา

  • การรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิกสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ธัญพืช
  • การรับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิก อาทิเช่น 21st Century Folic-acid หรือ Blackmores Folic Acid เป็นต้น

โลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 (Vitamin B12 Deficiency Anemia)

วิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ประสาท การสร้างเม็ดเลือดแดง และการทำงานของดีเอ็นเอ หากร่างกายขาดวิตามินบี 12 จะส่งผลให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติไป จึงทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา

สาเหตุของโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12

  • การดูดซึมวิตามินบี 12 บกพร่อง มักพบในผู้ที่
    • ป่วยเป็นโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคเซลิแอค และโรคโครห์น
    • ผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก ทำให้เกิดการดูดซึมวิตามินบี 12 ลดลง
    • ขาดสาร Intrinsic factor ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่ผลิตในกระเพาะอาหาร ช่วยในการดูดซึมวิตามินบี 12
  • ขาดการทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งจะมักพบในผู้ที่รับประทานมังสวิรัติอย่างเคร่งครัด
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะไปรบกวนการดูดซึมวิตามินบี 12

อาการของโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12

  • อาจพบว่ามีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น เบื่ออาหาร, คลื่นไส้, ท้องผูกหรือท้องเสีย หรือเจ็บลิ้นได้
  • มีอาการทางระบบประสาท เช่น อ่อนเพลีย, เหนื่อยง่าย, ชาตามปลายมือปลายเท้า, วิงเวียน, เดินเซ, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, มีปัญหาด้านความจำ และมีอารมณ์แปรปรวน
  • อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น หน้าซีด, ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว

การรักษา

  • การรับประทานอาหารเสริมวิตามินบี 12 อย่างเช่น Swisse Ultivite Multivitamin With Folic Acid และ Mega We care Ferrotone เป็นต้น
  • การรักษาที่สาเหตุหลัก เช่น หากมีสาเหตุโรคโลหิตจางอันเกิดจากโรคทางเดินอาหาร แพทย์ก็จะทำการรักษาโรคที่เป็นนั้น ๆ ก่อน
  • การปรับเปลี่ยนอาหารที่ทาน เช่น ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแหล่งอาหารเสริมวิตามินบี 12 ที่เหมาะสม

 

ทำไมผู้ป่วยโลหิตจางต้องทานอาหารเสริม? 

การทานอาหารเสริมบำรุงเลือดเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาโรคโลหิตจางที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ร่างกายไม่สามารถได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอจากอาหารที่รับประทานประจำวัน การทานอาหารเสริมจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ขาดไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประโยชน์ของการทานอาหารเสริมบำรุงเลือดในผู้ป่วยโลหิตจาง

  • ช่วยชดเชยปริมาณสารอาหารที่ขาดหาย โดยอาหารเสริมจะช่วยเติมเต็มปริมาณธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือกรดโฟลิกที่ร่างกายขาด ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • การได้รับสารอาหารที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ทำให้อาการของโรคโลหิตจาง เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และหน้าซีดดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • การขาดสารอาหารในระยะยาวอาจส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งการทานอาหารเสริมจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
  • อาหารเสริมมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น เม็ด แคปซูล หรือน้ำ ทำให้สะดวกในการรับประทานและพกพา และได้ปริมาณสารอาหารที่สูงกว่าการรับประทานอาหารธรรมดาทั่วไป

H3 เมื่อไรควรทานอาหารเสริมบำรุงเลือด

สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ ควรทานอาหารเสริมบำรุงเลือด แม้ว่าจะเป็นโรคโลหิตจางหรือไม่ก็ตาม เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและป้องกันการขาดสารอาหารในอนาคต

  • ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โดยเฉพาะผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือกรดโฟลิก
  • หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากความต้องการธาตุเหล็กและกรดโฟลิกจะเพิ่มขึ้น
  • ผู้สูงอายุ เนื่องจากการดูดซึมสารอาหารอาจลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็กสูงขึ้น
  • ผู้ที่ทานมังสวิรัติ เนื่องจากอาหารมังสวิรัติส่วนใหญ่จะขาดวิตามินบี 12

คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทานอาหารเสริมบำรุงเลือด

สำหรับปริมาณและวิธีการทานอาหารเสริมบำรุงเลือดที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • ชนิดของโรคโลหิตจาง 
  • อายุ 
  • เพศและสภาวะต่าง ๆ เช่น หญิงมีประจำเดือน หญิงตั้งครรภ์ และผู้ชาย ก็ต้องการปริมาณสารอาหารที่แตกต่างกัน
  • สภาพสุขภาพโดยรวม โดยพิจารณาจากโรคประจำตัว และการใช้ยาอื่น ๆ

ดังนั้นก่อนตัดสินใจทานอาหารเสริมบำรุงเลือด จึงควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกทานอาหารเสริมบำรุงเลือดตัวไหนดี? สามารถปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ของร้านขายยาวินวินท์แคร์ได้ฟรี! ที่ไลน์ @vinviincare เพื่อรับคำแนะนำที่ปลอดภัยเกี่ยวกับชนิดของอาหารเสริมที่เหมาะสมกับคุณ ปริมาณที่ควรทาน และวิธีการทานที่ถูกต้อง ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทานอาหารเสริม และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์